GATI2015 Part 5 : Trip Day 4 – Kawaguchiko – Mt.Fuji View

  • 0

GATI2015 Part 5 : Trip Day 4 – Kawaguchiko – Mt.Fuji View

Category : GATI2015

Part นี้เกี่ยวข้องกับ : Kawaguchiko / วิวภูเขาไฟฟูจิ / ขึ้นเขา Kachi Kachi / รอบๆทะเลสาบ Kawaguchi / การขึ้นรถบัสญี่ปุ่น –> สนใจโปรดคลิกเข้ามาอ่านครับ

ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจกันก่อน Kawaguchiko (河口湖) เรียกอีกอย่างว่า ทะเลสาบ Kawaguchi (ไม่ต้องเรียกว่า ทะเลสาบ Kawaguchiko เพราะว่า ko แปลว่าทะเลสาบ) เป็นทะเลสาบที่อยู่ในจังหวัด Yamanashi และเป็นทะเลสาบที่อยู่ใกล้ภูเขาไฟฟูจิมากที่สุด ถ้าในวันที่ฟ้าปรอดโปร่ง จะสามารถเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัด และใกล้มากๆ
วันนี้ตื่นเช้ามาด้วยเอ็มม่าปลุก จะออกไปเดินเล่น และอากาศในวันนี้ประมาณ -4 องศาตอนตื่นนอน และแขนชาไปหมด เพราะนอนดิ้นมากๆ แขนหลุดไปอยู่นอกผ้าห่ม ตื่นมานี่ ชาเลย เอามืออีกข้างไปแตะ อย่างกะน้ำแข็ง ก็ต้องเอามาซุกผ้าห่มให้มันอุ่นนิดนึง แล้วก็ตื่น แล้วก็ลองเปิดหน้าต่างดูวิวจากที่พัก นี่คือวิวแรกจากหน้าต่างห้องพัก สวยมากเลย ต้องออกไปเดินหามุมที่ไม่มีอะไรบังฟูจิซัง

วิวจากหน้าต่างห้องพัก

เดี๋ยวจะไม่เชื่อว่า -4 จริงๆ
ตื่นมาเดินเล่นรอบทะเลสาบ ก็เดินเท่าที่เดินได้ และวันนี้เดินไปแล้ว หน้าชามาก เพราะหนาว และลมพัดเข้าหน้าตลอด เดินไปจนถึงสะพานอะไรไม่รู้ แต่วิวจากสะพานเนี่ยสวยมาก ไม่มีอะไรบังเลย

Fujisan
หลังจากตื่นแล้วก็ได้เวลาไปจุดนัดพบในวันนี้ คือที่สถานี เพื่อไปซื้อตั๋ว 2 day pass ของรถบัสรอบทะเลสาบกันก่อน แล้วก็ได้เวลานั่งรถเที่ยวแล้ว ที่แรกที่ไปก็คือ ภูเขา Kachi Kachi เป็นภูเขาสูงและเราสามารถมองเห็น ฟูจิซัง ได้ในมุมสูง ที่ตีนเขามีร้านคุกกี้กับชีสเค้กอร่อย เดี๋ยวค่อยเล่าตอนลงมานะครับ เนื่องจากเรารู้จากอาจารย์กันว่า มันสามารถเดินได้ และเพื่อประหยัดไม่ขึ้นกระเช้า เราจึงตัดสินใจเดินกัน ทางขึ้นโดยรถกระเช้าอยู่ตรงร้านคุกกี้ แต่ทางเดินขึ้นจะอยู่ตรงร้านชีสเค้ก ก่อนเริ่มเดินขึ้น ก็ซื้อน้ำเตรียมไว้ก่อนเลย น่าจะเหนื่อยอยู่ นี่คือเส้นทางการเดิน

เส้นทางการเดิน
ถ้าขึ้นกระเช้ามาก็จะไม่ได้มาดูวิวตรงตำแหน่งของ Nakabadaira Observation Area ตรงนี้คนน้อย เหมาะกับการถ่ายรูป เพราะพอขึ้นไปข้างบนแล้วคนเยอะมาก หามุมที่ถ่ายรูปไม่ติดคนอื่นยากอยู่ จากตำแหน่งชมวิวนั้นก็สามารถขึ้นไปจุดชมวิวที่รถกระเช้าขึ้นไปได้ นี่คือระหว่างทางที่เราเดินทางกันไป

ระหว่างทางเดิน
ถามว่าเหนื่อยไหม ก็ ค่อนข้างเหนื่อยเลยหละ จริงๆอากาศเย็น แต่ข้างในนี่เหงื่อออก พอเรามาถึงจุดชมวิวที่ไม่ค่อยมีคนกันแล้ว เราก็ต้อง Selfie การชมวิวของเรากันหน่อย เป็นการ selfie ขั้น advance จริงๆ selfie หันหลังให้กล้อง

Selfie ดูฟูจิ
ลอง selfie กันครบทีมเด็ก GATI กับทางเดินกลางป่ากลางเขากันบ้าง

Selfie เด็ก GATI
พอขึ้นไปถึงแล้ว ทำไมวิวเป็นแบบนี้อ่าาาา ดูเมฆครึ้มๆ

Fujisan
แล้วก็ถ่ายรูปกับอาจารย์ที่ขึ้นมารอล่วงหน้ากัน
บนนี้เขาก็มี Fortune Telling (おみくじ) ให้เลือกหยิบได้ด้วย ราคา 100 เยน ก็หยิบมา 1 ใบ ข้างในเขามีคำแปลภาษาอังกฤษให้ด้วย ดังนั้นหยิบอ่านได้ง่าย ขอปิดข้อความข้างในเป็นความลับแล้วกัน เอาเป็นว่าได้ very lucky … (แต่หลังจากกลับบ้านมาก็เจอว่า ผลการลงทะเบียนที่ลงไป ติด 1 วิชาคือ Com Eng Project 555)
แล้วก็มีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับภูเขาไฟฟูจิด้วย หลักๆก็สูง 3776 เมตร
ขาลงก็ลองมาถ่ายกันมุมเดิม ทีนี้ไม่เห็นฟูจิซังแล้วอ่า
ลงมาก็ลองมาแวะร้านคุกกี้

Fujiyama Cookie
และร้านชีสเค้ก

Cheesecake
วันนี้ก็เลือกที่จะซื้อทั้งปอนด์ 2 ปอนด์ไปกินกัน น่าจะถูกกว่าซื้อแยกชิ้น แต่ว่า พนักงานเขาบอก ถ้าซื้อเป็นปอนด์มันจะกินเลยไม่ได้นะ มัน freeze อยู่ เอ่อ ก็ซื้อมา กินตอนเย็นก็ได้ เดี๋ยวจะเผยหน้าตาตอนเย็น อดใจรอ อย่าเพิ่ง skip ไปดูข้างล่างนะครับ
เดี๋ยวก่อนสิ ข้าวเที่ยงยังไม่ได้กินเลย … และเวลานี้ บ่าย 2 แล้ว ผมก็เลยต้อง จัด Cookie กับ Cheese Cake มากินเล่นรองท้อง
ต่อมาทุกคนก็เลือกที่จะไปตามฝันของตัวเอง ทีม A ที่มาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว (เมื่อวานเขาไปนั่งรถเที่ยวตามเส้นทางสีเขียว วันนี้จะไปตามเส้นทางสีแดง) ทีม B ที่ไม่ได้เที่ยวเมื่อวาน วันนี้ก็จะไปนั่งรถเที่ยวตามเส้นทางสายสีเขียว แต่ว่าทุกอย่างมันไม่ได้เป็นไปตามที่หวังไว้
เริ่มแรก รอรถเมล์ที่ป้ายหน้า Fujiyama Cookie พอรถมา ปรากฎว่า รถเต็ม ขึ้นรถไม่ได้ แงๆ มันคือรถสายแดง แล้วต้องไปเปลี่ยนเป็นสายเขียวอีกที เลยตัดสินใจ เดินไปที่ป้ายของสายเขียวเลย ก็ต้องรีบเดินให้ทันนิดนึง ระหว่างทางก็ถ่ายกับป้าย Kawaguchiko นิดนึงเดี๋ยวหาว่ามาไม่ถึง
เดินไปทันแล้ว แต่ว่า มีรถสายเขียวมา เขาก็ประกาศว่า รถนี้ไปสถานี นะ ก็ขึ้นไป แล้วก็รู้ตัวทีหลังว่า ผิดคัน (อีกแล้ว) เลยต้อง ลง แล้วรอรถคันต่อไป เสียเวลาไปอีก เสียเวลาไปเสียเวลามา พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ก็ได้แต่นั่งรถ วนรอบทะเลสาบ 1 รอบตามเส้นทางสายเขียว แล้วกลับสถานี ถึงสถานีตอน 6 โมง กว่าๆ แผนที่วางไว้ พังทั้งหมด เพราะรถที่วนไปแล้ว พวกจุดต่างๆเขาก็ปิดกันหมดแล้ว บนรถนั่งกันอยู่ 4 คนตั้งแต่ต้นจนจบ – – ” แต่ก็ได้ดูวิว สวยดีนะ
หมายเหตุว่า บนรถเมล์ญี่ปุ่นเนี่ย เขาห้ามเอาของอะไรขึ้นไปกิน ดังนั้นก็ได้แต่นั่งดูวิว และนั่งเล่นมือถือ ทีนี้มาถึงการขึ้นรถบัสญี่ปุ่นกันบ้าง นี่คือตัวอย่างป้ายรถบัส สายสีเขียวของ Kawaguchiko
ตัวรถบัสจะมาตรงเวลา และออกตรงเวลา ยกเว้นเจอสถานการณ์รถติด อาจจะเลทได้ ซึ่งเขาจะติดตารางเวลาที่รถบัสจะมา ที่ป้ายรถบัส การขึ้นในวันนี้ ใช้ 2 day pass ของ Kawaguchiko ก็ขึ้นได้เลย แต่ว่าถ้าเป็นกรณีปกติ เวลาขึ้นจะต้องหยิบตั๋ว ซึ่งจะมีหมายเลขบอกว่า เราขึ้นจากสถานีไหน แล้วก็ดูที่จอข้างหน้ารถบัส จะบอกราคาที่เราต้องจ่าย ตอนลง โดยช่องแรกสุดบนสุด จะเขียนว่า なし (nashi) แปลว่าไม่มีตั๋วนี้ แปลว่าเราขึ้นจากสถานีต้นทาง แล้วตัวเลข คือราคาที่ต้องจ่ายถ้าเราลงสถานีต่อไป ส่วนถ้าได้ตั๋วเป็นเลขต่างๆก็เทียบราคาจากข้างบนจอได้เลย
รูปข้างล่างต่อไปนี้แสดงให้เห็นเลยว่า รถบัสแพงมาก แต่พนักงานขับรถเขาบริการดีมาก พนักงานขับรถจะติดไมโครโฟน คอยประกาศอยู่ว่า ถึงไหนแล้ว ประตูจะปิดแล้ว อะไรอย่างงี้ และดูปลอดภัยกว่ารถเมล์ไทยอย่างมาก อยากรู้ว่านั่ง 1 สถานี ราคาเท่าไร ก็อย่างน้อย 150 เยนแล้ว (ประมาณ 50 บาท)
ขอตัดไปที่ตอนเย็นเลยแล้วกัน เรานัดกัน 6 โมงเพื่อมากิน Cheese cake ที่ซื้อกันตั้งแต่บ่าย ตอนลงจากเขา Kachi Kachi แล้วกินให้ทันขึ้นรถบัสกลับ Shinjuku ตอน ทุ่มกว่าๆ นี่คือหน้าตา Cheese Cake ที่ซื้อมา
ตาม Style เด็กวิศวะ ก็คงไม่ได้ตัดแบ่งเป็นชิ้น นั่งกินดีๆ ก็ จ้วงกันทั้งชิ้นเนี่ยแหละ 555 ประเด็นอยู่ที่ จากที่ร้านเขาบอกว่า ตัว Cake เป็นปอนด์เนี่ย Freeze มา ซึ่งก็มันจริงอย่างงั้นอะนะ ด้วยความที่อากาศข้างนอกมันก็หนาวอยู่แล้ว มันเลยยังไม่ละลายซะเท่าไร แข็งอยู่เลย ก็กินยากนิดนึง หมดช้าหน่อย หลังจากหมดแล้ว ก็ดูซากช้อนได้ตามนี้
พอเสร็จแล้ว ก็รีบไปซื้อข้าวเย็นกันที่ 7-eleven แล้วก็เจอกับ item ลับ ซึ่งมารู้ว่า หายากมากๆๆๆ จากเพื่อนๆ เลยไม่ลังเล หยิบไปจ่ายตังเลย กินกันท่ามกลางอากาศหนาวๆเนี่ยแหละ ข้าวเย็นวันนี้ก็ ข้าวปั้น ไก่ทอด กับไอติม Haagen Dazs

Haagen Dazs
หลังจากนั้นก็ขึ้นรถบัส สายตรงรวดเดียวถึง Shinjuku นั่งกันไป 8 คน แยก 2 คัน 5 คน กับ 3 คน ผมนั่งคัน 3 คนเพราะจองช้ากว่า แต่ถึง Shinjuku ก่อน ก็ยืนรอตรงป้ายแปบนึง ถึงประมาณ 3 ทุ่ม แล้วก็ไปเดินเล่น Shinjuku ยามค่ำคืนกัน แต่ว่าส่วนใหญ่เขาก็ปิดกันแล้ว ก็เดินเท่าที่เขายังเปิดอีก แล้วย้อนกลับมาเจอกัน ประมาณ 4 ทุ่ม ดูนี่สิ ตลับเกม ยังมีขายอยู่เลย
หลังจากมาเจอกัน ทุกคนอยากไป Game Center ก็แวะกันไปแปบนึง แต่อยู่จริงซะนานเลย
แล้วก็ที่สำคัญ กาชาปองอีกแล้ว ดูทุกคนจะสนุก
หลังจากนั้นก็ ได้เวลาเดินทางกลับ ได้ใช้ Hyperdia อีกแล้ว จาก Shinjuku ไป Oshiage ตามเส้นทางนี้ ทีนี้ เดินทางถูกต้อง จากประสบการณ์การขึ้นผิด ลงผิดมาวันนึง นั่ง Metro Marunouchi Line ไปเปลี่ยนเป็น Hanzomon Line ที่ Otemachi (สถานีเมืองมือใหญ่) ไปลง Oshiage ทีนี้เดินทางกลับไปด้วยกัน
ทีนี้เนื่องจากบัตร Suica หรือ Pasmo อาจไม่พอ หรือตั๋วที่ซื้อจากตู้ซื้อมาแล้ว เราเปลี่ยนสถานีที่จะลง แล้วราคามันแพงขึ้น จะต้องไปเข้าตู้ Fare Adjustment ก่อน เพื่อเติมเงิน หรือจ่ายค่าโดยสารที่มันเกินไป บอกไว้ก่อนว่าบัตร Suica หรือ Pasmo เนี่ยมันไม่สามารถมีเงินติดลบเหมือนบัตร Rabbit หรือบัตร MRT ของไทยได้ ดังนั้นต้องไปเติมเงินก่อน การเติมเงินก็ เลือกภาษาอังกฤษก่อน แล้วก็เสียบบัตร กดปุ่มที่บอกว่า Charge แล้วเลือกจำนวนเงินที่จะเติม มันจะมีเป็น 1000 2000 … อะไรให้เลือก ถ้าเราต้องการเติมแบบตามจำนวนที่เราต้องการ ก็มีปุ่มอื่นๆให้เลือก แต่ว่าจะต้องเป็นจำนวนเต็มสิบ นั่นคือเติม 10 20 30 … 100 … ได้ แต่ไม่สามารถเติมอะไรที่มีหลักหน่วยได้ เช่น 9 13 อะไรแบบนี้เติมไม่ได้
วันนี้จบวัน ทุกคนกลับบ้าน อย่างแรกที่ทำคือ ถอดถุงเท้าแล้วไปล้างเท้า แล้วเก็บถุงเท้าไว้ไกลๆ จากการเดินขึ้นเขา และเดินทั้งวันเนี่ย ไม่ล้างเท้านี่น่าจะอยู่ด้วยกันยากอยู่ 555 วันพรุ่งนี้เข้าสู่การดูงานต่อไป
ตอนต่อไป จะเกี่ยวกับ การเรียนรู้การป้องกันตัวเองจากภัยพิบัติต่างๆ และ โรงเผาขยะ ที่ Shibuya และ ร้าน Midori Sushi

Leave a Reply