GATI2015 Part 4 : Trip Day 3 – Fujiko F. Fujio Museum – Kawaguchiko

  • 0

GATI2015 Part 4 : Trip Day 3 – Fujiko F. Fujio Museum – Kawaguchiko

Category : GATI2015

Part นี้เกี่ยวข้องกับ : การเดินทางโดยรถไฟ (ภาคต่อ) / การใช้งาน Hyperdia / การเดินทางคนเดียว / Tokyo Skytree / Fujiko F. Fujio Museum / การเดินทางโดยรถไฟไปยัง Kawaguchiko

ก่อนอื่นเลย ต้องแนะนำพระเอกของตอนนี้กันซะหน่อย วันนี้เดินทางโดยรถไฟทั้งวันเลย และเป็นการเดินทางไกล ข้ามเมืองกันเลยทีเดียว จาก Tokyo -> Kawasaki -> Yamanashi เลยต้องศึกษาวางแผนเส้นทาง และเวลากันให้ดีก่อน ซึ่งการจะมานั่งเปิดตารางรถไฟเนี่ย มันค่อนข้างอ่านยากสำหรับชาวต่างชาติแบบเราๆ ดังนั้นทางเลือกที่ดี ก็คือ hyperdia (http://www.hyperdia.com/en) จริงๆมีเป็น App ด้วยแต่ว่าด้วยความที่ใช้บริการ Apple ID ของไทย มันเลยโหลดไม่ได้ – – ” ดังนั้นใช้บริการทางเว็บเอา ง่ายดี วิธีใช้งานช่างง่ายซะเหลือเกิน แค่กรอกสถานีต้นทาง สถานีปลายทาง แล้วเลือกวันเวลาที่ต้องการเดินทาง ซึ่งเลือกได้ว่า เวลาที่เราใส่เนี่ย เราอยากได้แบบ Departure (ออกจากต้นทาง) ใช้เวลาจะออกเดินทาง หรือ Arrival (ถึงปลายทาง) ใช้เวลามีนัด นั่งรถยังไงให้ไปถึงทันนัด (จริงๆใช้ Google Map มันก็บอกได้แล้วนะเดี๋ยวนี้ บอกว่านั่งสายอะไร เปลี่ยนรถที่ไหน กี่นาที อะไรอย่างงี้)

Hyperdia
ตัวอย่างการใช้งาน อันนี้แบบง่าย นั่งคืนก่อน กลับจาก Shibuya กลับบ้าน เช่นในรูปเขาก็บอกว่า มีรถไฟออกจาก Shibuya โดยใช้สาย Tokyo Metro Hanzomon Line for OSHIAGE จะถึง Oshiage (สถานีใกล้บ้าน ถ้าติดตามจาก part ก่อนๆ) ใช้เวลา 30 นาที มันก็จะขึ้นให้หมดเลยว่ามีขบวนที่ออกกี่โมงบ้าง อะไรอย่างงี้ เราก็เลือกขึ้นให้ถูกสาย (ดูป้ายดีๆ 1 สถานีอาจมีหลายสาย และ 1 สาย อาจมีขาไปขากลับ แยกชานชาลา และ 1 ชานชาลา อาจเป็นที่จอดของรถไฟที่ไปหลายปลายทางก็ได้ อันนี้ งง มาก) และแต่ละเส้นทางเขาจะบอกไว้เลยว่าใช้เวลาเท่าไร และราคาเท่าไร

Hyperdia
รถไฟที่ญี่ปุ่นเขามีประกาศด้วยหละ แต่เป็นภาษาญี่ปุ่น เขาจะมีเสียง แล้วตามด้วยประกาศ ドアが閉まります。ご注意ください。(Doa ga shimarimasu. Go chuyi kudasai.) ประโยคนี้ฟังง่ายสุด แปลว่า ประตูจะปิดแล้วนะ โปรดระวังด้วย … จริงๆแต่ละสายเขาประกาศไม่เหมือนกันอะ แต่จำคำพูดไม่ได้ บางสายบอก ระวังของด้วยประตูจะปิดแล้ว – ประตูจะปิดแล้ว ใครขึ้นไม่ทันขอให้หยุดรอขบวนต่อไป อะไรประมาณนั้น
มาเข้าสู่การวางแผน เนื่องจากทุกคนมีเป้าหมายในชีวิต อยู่ที่ Kawaguchiko ทุกคนเลยจองรถบัส จาก Shinjuku สายตรงไปที่ Kawaguchiko แต่ว่าเนื่องจากเรามีเป้าหมายแยก เลยจะไปแวะดูพิพิธภัณฑ์ Fujiko F. Fujio ก่อน ดังนั้นเราต้องวางแผนการเดินทางส่วนตัว
เริ่มต้นที่ ต้องไปซื้อตั๋วเข้า Fujiko F. Fujio Museum ก่อน โดยต้องซื้อที่ Lawson มันจะมีตู้ซื้อตั๋วอยู่ ให้พนักงานช่วยกดก็ได้ กดเสร็จเอา Slip ไปจ่ายเงินที่ Counter แล้วเขาจะปรินท์ตั๋วมาให้ โดยจะต้องซื้อตั๋วตามรอบที่จะเข้า ได้แก่ 10.00 / 12.00 / 14.00 / 16.00 ต้องเข้าให้ตรงเวลา และถ้าเลทกว่าเวลาเข้า 30 นาทีจะไม่สามารถเข้าได้ ด้วยการที่ต้องการความปลอดภัย เลยจองรอบ 12.00 ไว้เผื่อเดินทางผิดพลาด หรือไม่ตื่น แต่ว่าเขาไม่ได้ fix เวลาออกนะ จะอยู่จนเขาปิดเลยก็ได้ไม่ผิดกติกา ราคาค่าเข้า ก็ 1000 เยน

ตั๋วเข้าพิพิธภัณฑ์
จากนั้นก็วางแผนการเดินทาง แผนการเดินทางเดิมเป็นดังนี้ ทุกคนจะต้องออกจากบ้านประมาณ 7 โมง เพื่อไปให้ทันรถบัสไป Kawaguchiko ผมก็ตื่นมารอส่งทุกคนแล้วล็อกบ้าน แล้วนอนต่อ ถึงประมาณ 8 โมงครึ่ง ตื่นมาอาบน้ำ หาอะไรกิน แล้วออกเดินทาง ตอนนี้ Plan คร่าวๆเป็นดังนี้
  • ประมาณ 8.50 เดินจากบ้านไป Sky tree เดินเล่นนิดหน่อยแถวนั้น
  • ประมาณ 9.20 ออกจาก Oshiage (ใกล้ Skytree) แล้วเดินทางไป Kawasaki Daishi เพื่อดูวัด อะไรแถวนั้นตามที่หนังสือเขาแนะนำ น่าจะถึงประมาณ 10.10
  • ประมาณ 10.30 ออกจาก Kawasaki Daishi ไป Noborito เพื่อต่อรถบัสไปพิพิธภัณฑ์ ให้ทันเวลาเข้า 12.00
  • ประมาณ 14.00 ออกจากพิพิธภัณฑ์ กลับมา Noborito แล้วรอขึ้นรถไฟไป Kawaguchiko
แต่ว่า โลกแห่งความจริง มันไม่เหมือนความฝัน ตอนไป Skytree รู้ว่าเขาเปิดให้เข้าตอน 8.00 แต่ว่าพวกร้านอะไรแถวๆนั้นเขาเปิด 9-10 โมง ซึ่งเราไป 9 โมง ร้านก็เปิดนิดๆหน่อยๆ ไม่ค่อยได้เดินดูอะไร เลยเดินไปหามุมถ่ายรูป Skytree ซะ เดินซะรอบเลย หลงทาง – – ” ก็คลำๆไปเรื่อยๆ ก็กลับมาได้ แล้วก็ได้เดินแค่ร้านของฝากจาก Skytree เจอพวกของ Star wars ด้วย แต่ไม่ได้ซื้อ 555

วิว Skytree
ถ้าการเดินทางตามแผน ควรจะเดินทางตามเส้นทางนี้ครับ
แต่ว่ามันผิดแผนตั้งแต่ตอนแรกเลย ตอนถึงสถานี Sengakuji เนี่ยมันเป็นสัญลักษณ์แปลกๆ ก็เข้าใจว่าต้องเปลี่ยนรถ เลยรีบลงจากรถ วิ่งหาว่าต้องขึ้นอันไหนต่อ ขณะ งงๆอยู่นั้น ประตูรถก็ปิด แล้วก็มารู้ทีหลังว่า รถขบวนเดิมนั่นแหละเขาเปลี่ยนเส้นทาง เรานั่งต่อได้เลย เราไม่ต้องเปลี่ยน ผิดแผนเฉย ต้องรอรถไฟขบวนต่อไป ทำให้ไปถึง Kawasaki Daishi สายไปประมาณ 10 นาที ก็มีเวลาเดินน้อยลง ก็รีบๆเดิน รีบจนถ่ายรูปมาแค่ รูปเดียว เอ่อ ….
แล้วก็กลับมาสถานี เลท อีก ทำให้ต้องเลื่อนไปออกจาก Kawasaki Daishi ตอน 10.40 แทน ทีนี้ก็ไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว มีบทเรียนมาพอสมควร ก็นั่งรถไฟต่อไปยัง Keikyu Kawasaki แล้วก็ต้องเปลี่ยนขบวนไปขึ้นเป็นของ JR โดยสถานีมันคนละสถานีกัน ต้องเดิน 8 นาที ซึ่งก็เข้าใจว่า มันเดินใน 8 นาทีแบบถึงพอดีเป๊ะได้ แต่เราเป็นชาวต่างชาติ สถานีมันอยู่ไหนก็ไม่รู้ ขึ้นมาบนดิน สู่สภาพอันเวิ้งว้าง ไม่รู้เดินไปทางไหนดี ใช้ Google Map ช่วย มันก็ Location ไม่แม่นอีก เดินไปผิดทางอีก กว่าจะถึง รถไฟออกไปแล้ว – – ” ต้องรอรถไฟขบวนต่อไป ถ้าตามรูปก็ตาม Route 2 นั่งจนถึง Noborito
พอถึง Noborito ตามคำแนะนำที่อ่านมาก็ออกประตู Ikuta Park Exit แล้วก็เดินไปรอที่ป้ายรถเมล์ ด้วยความที่พอเดาจากป้ายได้ ซึ่งป้ายเขาไม่ได้ช่วยชาวต่างชาติเลย ภาษาญี่ปุ่นล้วน พออ่านได้ ก็ไปถูก เขาบอกให้ตรงไปอีก 40 เมตร ก็รีบๆไป กลัวไม่ทันเวลาเข้า
ก็ไปรอที่ป้ายรถเมล์ ที่เป็นรถเมล์เฉพาะที่จะไป Fujiko F. Fujio Museum แล้วก็มีรถลายโดเรมอนมา ก็คนต่อคิวเยอะมาก ดูจากรูปได้ ต้องรอรถ 2 คันถึงได้ไป ค่าโดยสารก็ 200 เยน ทางตรงไปจอดที่ Fujiko F. Fujio Museum เลย ใช้ suica จ่ายได้นะ ราคาถูกกว่า 200 เยนด้วย
พอไปถึง ลองดูนี่หรือคน เยอะมากกกกๆๆๆ ดีที่มาทันเวลา ก็ได้ยินเสียงคนไทยประปลาย ก็ทำเป็นไม่ใช่คนไทยไม่คุยกับใครทั้งนั้น มาคนเดียว อยู่คนเดียว … แล้วก็ เจอแต่เด็กๆเต็มไปหมด เด็กเยอะมากๆ
ก็จะได้รับโบร์ชัวร์ว่าเราจะเข้าชมข้างในยังไงบ้าง ถ้าโหดหน่อยก็ขอฉบับภาษาญี่ปุ่นได้
ทีนี้ก่อนจะเข้าก็ต้องผ่านด่านนี้ก่อนเลย แนะนำการเข้าชม ซึ่งเจ้าหน้าที่เขาจะแนะนำเป็นภาษาญี่ปุ่นนะ แต่ว่าบนทีวีจะมีแปลภาษาอังกฤษไว้ด้วยเผื่อใครฟังไม่ออก แต่พนักงานที่นี่ พูดภาษาญี่ปุ่นที่ฟังง่ายมากๆ แค่ความรู้ที่เรียนมาก็สามารถฟังได้ออกหมดเลย เพราะว่ามีเด็กๆเยอะ เขาเลยต้องพูดให้เด็กๆฟังเข้าใจ และเราก็เรียนญี่ปุ่นมาแบบ ขั้นต้นเพิ่งจบ ก็ความรู้ประมาณเท่าๆเด็กประถมนั้นแหละครับ เขาก็อธิบายคร่าวๆว่า เขาจะมี guide ให้เรากดเบอร์ตามตำแหน่งที่เราไป เขาจะมีเสียงพูดออกมา แล้วก็ห้อง 1 กับห้อง 2 ห้ามถ่ายรูป และห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ นอกนั้นสามารถถ่ายได้ครับ
พอเข้าจากห้องนั้นมาแล้ว ก็จะเป็นโซนที่ตรวจตั๋ว แล้วก็จะได้ Guide ส่วนตัวมา หรือเทียบได้กับ วุ้นแปลภาษา ให้เราเข้าใจ ตั๋วเล็กๆที่เห็นนั่น คือตั๋วเข้าไปดูหนัง เขามีฉายหนังที่ทำขึ้นพิเศษเฉพาะ พิพิธภัณฑ์นี้โดยเฉพาะเลย
พอผ่านเข้าไปห้องที่ 1 และห้องที่ 2 ก็จะเป็นจัดแสดงประวัติของอาจารย์ Fujiko F. Fujio พวกแรงบันดาลใจว่าทำไมถึงมาเขียนโดเรมอน แล้วก็ยังมีพวกต้นฉบับของจริง ลายมือเขาจริงๆ มาให้ดูเลย แล้วก็มีของจำลองของวิเศษให้ดูด้วย แล้วก็แต่ละตอนก็จะเป็นตอนแรกที่ของวิเศษแต่ละชิ้นปรากฎขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังมีข้าวของเครื่องใช้ให้ดูด้วย เช่นปากกา กระดาษ sketch ตัวละคร เป็นต้น ต้องลองไปดู โซนนี้ถ่ายรูปไม่ได้ ใช้มือถือไม่ได้ เลยไม่มีรูปมาฝากกัน
โซนต่อไปเป็นโซนให้นั่งพักได้ จะมีหนังสือการ์ตูนโดเรมอนให้อ่านด้วย สามารถนั่งอ่านได้ ก็ลองไปหยิบมาอ่านดูแล้ว ก็พบว่า ศัพท์บางตัวก็แปลไม่ออกจริงๆ สงสัยคลังศัพท์ยังน้อยเกินไป ต้องสู้ต่อไป …
ผ่านจากตรงนี้ไป ก็จะเป็นโซนให้ถ่ายรูปได้แล้ว ก็ยกตัวอย่างบาง Landmark แล้วกัน มี บ่อน้ำของคนตัดฟืน ที่ไจแอนท์ตกลงไปแล้วก็ขึ้นมาเป็นไจแอนท์หล่อ อันนี้ไม่ได้ไปถ่าย เพราะต้องต่อคิว ไม่มีคนถ่ายให้ด้วย และคิวยาวครับ
อันต่อไปก็ ไดโนเสาร์ของโนบิตะ พีซุเกะ
ต่อมาภูเขาหลังโรงเรียน มีต้นไม้ด้วยดูสิ
ต่อมาประตูไปไหนก็ได้ どこでもドア ซึ่งมันไปไหนไม่ได้ อยู่ได้แค่ตรงนั้น คำถามคือไปคนเดียวถ่ายรูปยังไง ก็อาศัยให้คนญี่ปุ่นแถวนั้นช่วยถ่ายให้ 写真をとってくださいませんか。(Shashin o totte kudasai masenka.)ช่วยถ่ายรูปให้หน่อยได้ไหมครับ
ต่อมาก็ เป็นท่อ 3 ท่อ signature ของโดเรมอน
นอกจากนี้ยังมี prop ให้เข้ากับเทศกาล มีต้นคริสต์มาสด้วย
แล้วก็มีตู้ติ๊งต่าง ที่โทรศัพท์แล้วโลกนี้ก็จะเปลี่ยนไปตามที่เราบอกไว้เลยหละ
นอกจากนี้มี Cafe ด้วย ซึ่งไม่ได้เข้าไปกิน เพราะคนเยอะมากๆ นี่คือเมนู
แล้วก็มี กาชาปองด้วย ลูกละ 300 เยน ไม่ได้กดนะ
หลังจากนั้นก็นั่งรถบัสกลับมาที่ Noborito เพื่อกินข้าวเที่ยงตอนบ่าย 2 – – ” เพราะไม่มีเวลากินเลย ก็ได้มากิน ร้านสุดคลาสสิก และเร็ว Yoshinoya ก็กิน Gyuudon (牛丼) หรือข้าวหน้าเนื้อ
จาก Noborito ก็จะเดินทางไป Kawaguchiko ตามเส้นทางนี้ ออก 14.58
แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้สวยงามอย่างที่เป็น เพราะว่า รีบจัด ลงไปสถานีแล้วขึ้นรถผิดขบวน หรือผิดชานชาลาสักอย่าง เห็นรถกำลังจะออก รีบร้อนขึ้น ไม่ทันอ่าน – – ” ขึ้นผิดเลย ขึ้นไปก็พบว่า มันยังไม่ใช่เวลาตามที่เขาบอกไว้นี่หว่า มันยังไม่ถึงงงงง ซวยแล้ว ไปซะคนละทาง ต้องรอรถนั่งกลับมา เอ่อออออ ก็ไม่ทันขบวนที่จะนั่งจริงๆ ก็ต้อง หาใหม่ ได้เส้นทางใหม่
กว่าจะกลับมา มันก็เลทไปแล้ว ด้วยความที่นัดเพื่อนๆไว้เวลา 6 โมงมารับที่สถานี และเพื่อนๆดันไม่มีเนต เลยต้องตรงเวลาไปนิดนึง เลยต้องหาทางอื่นที่ไปถึงทันเวลา ก็ได้เส้นทางตามข้างล่าง ราคาก็อัพขึ้นอีกหน่อย เพราะต้องนั่งรถด่วน ถ้าจำไม่ผิด (特急) หรือ LTD. EXP นั่นเอง ซึ่งต้องไปขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่สถานี เพราะมันยังพอมีเวลา เขาบอก ว่า ถ้าซื้อตั๋วแบบ ไม่ระบุที่นั่งจะถูกกว่า ต้องไปขึ้นตู้ที่ 3-6 มั้ง (ตู้ไม่ใช่โบกี้) ช่วงถามนี่คือ คิดศัพท์อังกฤษไม่ออก เลยใช้ภาษาอังกฤษผสมญี่ปุ่น คือคิดไม่ออกว่าภาษาอังกฤษคืออะไร เช่นคำว่า 号車 ตู้หมายเลข… / 番線 ชานชาลา (เพิ่งนึกออกทีหลังว่า Platform แต่ญี่ปุ่นเขาใช้คำว่า Track)
รถด่วนพิเศษจะให้บริการแบบเครื่องบินเลย มีขายน้ำขายขนมด้วย มีพนักงานเดินตรวจตั๋วด้วย ที่นั่งสบายมาก และก็นั่งไปทันเวลารถไฟต่อไป ที่จะออกจาก OTSUKI เวลา 16.55 ตาม Plan เดิม
ตัว Hyperdia สามารถดูเส้นทางเดินรถด้วยนะ กดตรง Train Timetable ก็จะเห็นเวลาของรถว่า จะออกจากสถานีไหนกี่โมง และถึงสถานีกี่โมง
ถ้าดูจากตารางรถด่วนพิเศษ จาก TACHIKAWA ไป OTSUKI นั่ง 2 สถานีเท่านั้น แต่จริงๆมันผ่านเยอะกว่านั้นนะ ด้วยความเป็นรถด่วนพิเศษมันก็ไม่ค่อยจอด
ต่อไปก็ต่อรถไปยัง Kawaguchiko ขบวนรถน่ารักมาก เป็นลายคุณโทมัส เหมาะกับเด็กๆจริงๆ นั่งยาวเกือบชั่วโมง ก็หลับได้แล้ว วันนี้ทั้งวันนั่งรถไฟ หลับไม่ได้ กลัวเลยสถานี มาถึงนี่ เหนื่อยมาก เลยต้องหลับอะไม่งั้นไม่ไหวจริงๆ ก็หลับไป เพราะยังไงเราลงสุดทางอยู่แล้ว
ในที่สุดมาถึงสถานี Kawaguchiko อุ่นใจ แต่หนาวกาย หนาวจริง มีเพื่อนมารับ เย่ คืนนี้ที่พักแยกกัน ผู้หญิง 4 คนพักตรงแถวสถานี ส่วนผู้ชายอีก 4 คน + อ.อรรถสิทธิ์ ไปนอนอีกที่นึง อีกฝั่งของทะเลสาบ เดินจากสถานีประมาณ 30 นาที และด้วยความที่อาจารย์บอกว่า จะถึงตอนทุ่มกว่าๆ ก็เลยรอไปกินข้าวด้วยกันแล้วค่อยไปเข้าที่พัก
ระหว่างรอก็ได้นอนเต็มๆแล้ว เย่ ก็อาศัยห้องผู้หญิงนอนพักไปก่อน รออาจารย์มา แล้วก็จะไปกินข้าวเย็นด้วยกัน ประมาณ ดึกแล้วอยู่ ก็เดินไปเรื่อยๆ จนถึงริมทะเลสาบ ก็มีร้านอาหารร้านนึง ก็เข้าไปนั่งกิน ราเมง ชามใหญ่ม๊ากกกกก แต่อร่อยดี เหมะกับอากาศหนาวๆแบบนี้
จากนั้นก็เข้าที่พัก มีชุด ยูกาตะ ให้ด้วย ก็ใส่ถ่ายรูปซะนิดนึง แต่ไม่เอามาแปะแล้วกัน หน้าดูมึนๆ ง่วงๆ แล้วก็ นั่งเล่นแปบนึง แล้วก็นอน ตอนเช้ากะจะไปเดินเล่นรอบทะเลสาบซะหน่อย
ตอนต่อไปก็มาดูการเที่ยว 1 วันที่ Kawaguchiko แล้วก็วิว ภูเขาไฟฟูจิ

Leave a Reply