GATI2015 Part 3 : Trip Day 2 – Tokodai

  • 0

GATI2015 Part 3 : Trip Day 2 – Tokodai

Category : GATI2015

Part นี้เกี่ยวข้องกับ : การเดินทางโดยรถไฟ / ดูงานใน Lab ต่างๆของ Tokodai / ดูงานด้าน Transportation ของญี่ปุ่น / ชิบูย่า / Ichiran Ramen (ราเมงข้อสอบ) –> สนใจโปรดคลิกเข้ามาอ่านครับ

ก่อนจะเริ่ม Part นี้ ขอแนะนำตัวละครที่เป็นพระเอกของ Trip นี้กันก่อน นั่นคือ Map รถไฟใต้ดินนั่นเองเป็น Map ที่ทุกคนถือเวลาจะเดินทางไปไหนมาไหน

Map
ปกติเราซื้อ Metro X day pass กันซึ่งจะใช้ได้กับสายใต้ดินที่เป็น Metro กัย Toei (ใช้กับ JR ไม่ได้) ก็ต้องวางแผน ปกติเลยต้องพก Metro pass กับ Suica หรือ pasmo (คล้ายๆ บัตร rabbit) ก็ต้องใช้คู่ๆกันเพื่อประหยัด เดินทางโดยใช้ Metro & Toei เป็นหลัก แล้วต้นๆ ปลายๆทาง ก็ใช้ suica เอา แนะนำสถานีที่จะถูกพูดถึงบ่อยๆเวลากลับบ้าน
  1. Hikifune ใกล้บ้านที่สุด แต่ว่ามันอยู่นอกขอบเขตการใช้ pass เลยต้องไปใช้สถานีต่อไป
  2. Oshiage เดินถึงบ้านใน 10 กว่านาที และอยู่ใกล้ Tokyo Skytree แล้วก็ปกติจะไป Hikifune ก็ต้องมาเปลี่ยนรถที่นี่ ก็เลยตัดสินใจลงที่นี่ซะเลย
  3. Ookayama เป็นสถานีที่ Tokodai ตั้งอยู่แถวนั้น
เริ่มวันนี้กันโดยการที่มีคนจาก Tokodai มารับถึงบ้าน แต่ด้วยความที่ Google Map ทำงานดีมาก ทำให้คนที่มารับเขาไปผิดตึก กว่าจะเจอกัน แล้วก็เดินทางไปมหาวิทยาลัยตามการนำทางของเขา และพบว่า ค่ารถไฟไปกลับ รวมทั้งสิ้นประมาณ 2000 เยน โอ้ เดินทาง 1 วัน นี่ยังไม่รวมค่ารถไฟไปดูงานที่ต่างๆอีกนะ เลยตัดสินใจนั่งจาก Hikifune ไปลง Oshiage เพื่อไปซื้อ One day Pass ราคา 1000 เยน (จริงๆควรจะซื้อได้ในราคา 800 เยน แต่ต้องซื้อที่ Bic Camera และเป็นราคาสำหรับนักท่องเที่ยว) แล้วก็ให้เขาพาเดินทางโดยใช้ Metro มันได้ไม่สุดทาง ก็เสียต้นๆ ปลายๆ อีกนิดหน่อย ราคาประมาณ 160 เยน

one day pass
เจอศัพท์ที่เรียนอีกแล้ว จากหนังสือ คันจิ N2 ที่กำลังเรียนอยู่
  1. 乗車券 (Joushaken) แปลว่าตั๋วรถไฟ [乗る (noru) ขึ้นรถ / 電車 (densha) รถไฟ / 券 (ken) ตั๋ว]
  2. 地下鉄 (Chikatetsu) แปลว่ารถไฟใต้ดิน [地下 (chika) ใต้ดิน / 鉄 (tetsu) เหล็ก]

นั่งรถไฟ
อย่างที่เรารู้กันดีแล้วว่า รถไฟตอนเช้านี่ คนแน่นมาก ไม่รู้จะบรรยายยังไง รูปก็ไม่ค่อยชัด แต่มีสิ่งนึงที่เห็นภาพมากๆ หลังจากที่คนลงๆกันไป จนรถเรื่มโล่ง ก็ได้เจอสิ่งแปลกปลอม นั่นคือ รองเท้า 1 ข้าง นั่นหมายความว่า มันมีคนเดินเท้าเปล่าออกจากรถไฟไป จริงๆแล้วมันเบียดขนาดที่เขารองเท้าหลุด แล้วไม่มีโอกาสกลับไปเก็บ

รองเท้าหลุด
การเดินทางโดยรถไฟมันก็ต้องมีการเปลี่ยนสาย เปลี่ยนขบวนกันบ้าง ที่นี่งที่สถานีจะมีป้ายบอกเลยว่า รถไฟจะมาเวลาเท่าไร และไปปลายทางอะไร และรถไฟ ตรงเวลามากๆๆ ออกตรงเวลา มาตรงเวลา ถ้ามาก่อนเวลา ก็จะจอดรอจนกว่าจะถึงเวลาออก ถ้ารถไฟออกเกินเวลา ก็จะไปเร่งความเร็วรถแทนเพื่อให้ไปถึงสถานีต่อไปไม่เลท (อันนี้รู้เพราะเคยเจอ แล้วก็ฟังเขาประกาศ ออกบ้างไม่ออกบ้าง แต่จับใจความ + เดาได้ว่าแบบนี้)

ที่สถานี
ด้วยเหตุ ที่ต้องเปลี่ยนรถไปมา แล้วก็กว่าจะเจอกันเพราะไปผิดตึก ทำให้เสียเวลาไปประมาณ 1 ชั่วโมง ไปเลท 1 ชั่วโมง กว่าจะถึง Ookayama แต่ว่าตามสไตล์คนญี่ปุ่น คือความตรงต่อเวลา ดังนั้นเขาเริ่มกิจกรรมตรงเวลา เราไปเลทไม่ทันเขาพาไปดูงานในมหาวิทยาลัย บางที่ ไปทันที่เขาพาไปดู Super Computer พอดี

สถานี Ookayama

Super Computer
หลังจากนั้นก็แบ่งเป็น 2 กลุ่มไปดู Lab ต่างๆ โดยชาวคอมพิวเตอร์เขาก็พาไปดูแลป คอม ซึ่งน่าสนใจมากๆ เลย

ทีมดูแลปคอม
แลปแรกที่ไปดู น่าจะทำเกี่ยวกับ Computer Vision นะ งานชิ้นแรกที่เขาโชว์ ก็คือ การ detect gesture ของมือ ข้างล่างที่เห็น เป็นจอทีวี ธรรมดา ไม่สามารถ touch screen ได้ เกมที่เขาโชว์นี้ สามารถยิงลูกกระสุนได้ ถ้าเราทำมือเป็น วงกลม แล้วขยับนิ้วไปในทางไหนก็จะเป็นยิงกระสุนไปทางนั้น โดยมีกล้องจับอยู่ข้างบน และสามารถเล่นได้หลายคนในกระดานนี้ด้วย
งานชิ้นต่อไป เป็นการจำลองว่าเรานั่งอาบน้ำในอ่างอยู่ เวลาอยากดูวีดีโอ ดูรูป หรือเล่นมือถือเราจะทำยังไง เราคงไม่ถือมือถือเข้าไปแช่น้ำด้วย ก็ทำให้ projector ฉายภาพลงมาที่ผิวน้ำพอดี แล้วก็มีตัว Kinect คอยจับสัญญาณมือของเรา เช่นการใช้นิ้วลาก จอเพื่อย้ายตำแหน่ง หรือใช้ 2 นิ้วเพื่อขยายขนาดภาพ หรือว่า touch ผิวเพื่อเริ่มเล่นคลิปวีดีโอ หรือว่า เอาอุ้งมือยกน้ำขึ้นมาแล้วภาพจะไหลมาอยู่บนอุ้งมือจนเราปล่อยน้ำลงไปที่อ่าง ภาพก็จะกลับไปบนผิวน้ำเหมือนเดิม อันนี้เจ๋งมากๆเลย
ชิ้นต่อมาเป็นการจับการเคลื่อนที่ของลูกบอล และฉายภาพอะไรบางอย่างไปบนลูกฟุตบอลนั้น มีประโยชน์สามารถนำไปพัฒนาต่อได้เช่นการฉายโฆษณาบนลูกฟุตบอลขณะมีการแข่งขันอยู่เป็นต้น อันนี้ไม่ใช่ว่า detect ลูกบอลได้ตรงไหนจะฉายภาพไปตรงนั้น เพราะว่าลูกบอลมีการเคลื่อนที่ตลอดเวลา ดังนั้นจะต้องมีการทำนายตำแหน่งลูกบอลด้วยว่าตำแหน่งต่อไปมันจะไปอยู่ที่ไหน
อีกแลปนึงไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเท่าไร ก็มี 3 ชิ้นงานที่เขาพาไปดู ชิ้นแรกเป็นการ detect บุคคลว่าเขาทำท่าอะไรอยู่ เช่นต่อยมวย อะไรอย่างงี้ เขาบอกประมาณว่า อันนี้พัฒนาต่อไปได้เป็นการช่วยเหลือผู้ป่วยในการทำกายภาพบำบัด ดูว่าเขาทำถูกต้องไหมอะไรอย่างงี้
อันที่สองก็เป็นการ detect เสียงว่า เสียงนี้เป็นคนคนไหนเป็นคนพูด มั้งนะ จำไม่ค่อยได้แล้ว
อันที่สามเป็นการ detect วีดีโอ ว่าตัววีดีโอนี้เกี่ยวกับอะไร เช่น เป็นวิวภูเขา หรือต้นไม้ หรือเป็นคน อะไรแบบนี้
มื้อเที่ยงวันนี้ได้กินที่โรงอาหารของ Tokodai ได้ลองข้าวแกงกระหรี่ หมูทอด มั้งจำไม่ได้แล้ว ราคา 410 เยน
หลังจากกินเสร็จแล้ว ก็เคลียร์จานข้าวของตัวเอง แยกช้อน ส้อม แยกขยะ แล้วก็เอาเฉพาะจานไปคืนที่ counter
หลังจากข้าวเที่ยงก็เดินทางไปดูงานที่ Tokyo Station สถานีที่เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางของการเดินทาง จะไปเหนือล่องใต้ ไม่รู้เริ่มจากไหน มาเริ่มจาก Tokyo Station ก่อนเลย แล้วก็ตัวอาคารนี้เขามีชั้นอะไรซักอย่างจำไม่ได้แล้วอยู่ใต้อาคาร ทำให้เวลาเกิดแผ่นดินไหว ตัวอาคารมันจะไม่เป็นอะไรเลย สามารถทนต่อแรงแผ่นดินไหวได้

ด้านหน้า Tokyo Station

Tokyo Station จากมุมสูงบ้าง

ใน Tokyo Station บ้าง
ต่อมาไปดูงานที่ Metropolitan Police Dapartment Traffic Control Center หรือศูนย์ควบคุมการจราจรของโตเกียว ที่นี่เขาเป็นศูนย์ Monitor การจราจรทั้งโตเกียวเลย โดยเขาจะมีกล้องคอยส่องที่แต่ละสี่แยก จะทำให้รู้ความหนาแน่นของรถยนต์บริเวณแยกนั้น แล้วจะแสดงไว้บนจอ ว่าแต่ละเส้นทางมีความหนาแน่นของรถยนต์เท่าไร (รถติดไหม) แล้วก็ทำการ ปรับ เวลาของสัญญาณไฟจราจร ให้คลี่คลายปัญหารถติดให้เร็วที่สุด นอกจากนี้ถ้าเห็นจอคอมข้างล่าง จะเป็นจอของกล้องวงจรปิดทุกสี่แยกที่ติดตั้งไว้เลย สามารถกดขึ้นมาดูได้ ส่วนขาวๆขวาบนนั้น เป็นรายงานการเกิดอุบัติเหตุ ว่าตอนนี้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นที่บริเวณถนนไหน นอกจากนี้ยังมีระบบที่เขาสามารถคำนวณได้ด้วยว่า มีรถที่วิ่งมาด้วยความเร็ว และจะถึงสี่แยกทันไฟเขียวไหม ถ้าไม่ทัน ก็อาจทำให้ไฟเขียวยาวขึ้นหน่อย เผื่อเขาเบรคไม่ทัน เป็นการลดอุบัติเหตุอย่างนึง สุดยอดมากเลยหละ
ปล. ดูไปดูมา มันใกล้เคียงกับ Senior Project ยังไงไม่รู้ แล้วก็ใกล้เคียงกับที่เรียนในคาบ Wireless Computer Network ด้วย (โฆษณาแฝง)

กล้องวงจรปิดในแยกต่างๆ
หลังจากนั้นก็มีเป้าหมายคือกลับไปคุยงาน Project ของวิชา GATI กับกลุ่มแบบตัวเป็นๆกัน ที่ Tokodai แต่ว่ายังขาดอย่างนึงที่ยังไม่ได้ให้เห็นเลย คือญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องการแยกขยะมาก เลยเอาตัวอย่างถังขยะที่เจอในสถานีมาให้ดู
ตอนเย็นก็ไม่มีอะไรมากคุยงานกัน ในกลุ่ม
แล้วก็มี แจ๊บ มาหาถึงห้อง รูปนี้คือ ทีมภาคคอม ณ Tokyo Tech
หลังจากคุยงานเสร็จแล้ว ก็ประมาณ 6 โมงครึ่ง ตอนเย็น ก็ได้ไกด์ แจ๊บ พาไป ชิบูย่า เป้าหมายเพื่อ Ichiran Ramen (一蘭ラーメン) หรือราเมงข้อสอบ มันมีหลายสาขานะ นี่คือสาขาที่ไปกิน
วิธีกินคือ เข้าไปต่อคิว … แล้วก็กดซื้อตั๋วที่ตู้ ว่าจะกินอะไรบ้าง ใส่ Topping อะไรบ้าง อย่างน้อยก็กด ราเมง ไป 790 เยน แล้วผมก็เพิ่ม ชาชู อีก 180 เยน
พอถึงคิวแล้ว พนักงานเขาก็จะเอากระดาษมาให้วง เหมือนทำข้อสอบ คือไม่รู้ว่าเขาคิดว่าเป็นคนจีนได้ไง เขาเอาใบภาษาจีนมาให้ ก็มีตัวบางๆภาษาญี่ปุ่นอยู่นะ สุดท้ายก็ขอใบภาษาอังกฤษเขามา
ที่นั่งเป็นแบบนั่งคนเดียว เหมือนนั่งทำข้อสอบ ก็ติ๊กๆเสร็จแล้วก็ กดเรียกพนักงาน แล้วก็รอ … ซ้ายมือที่เห็นเป็นที่กดน้ำ มีแก้วอยู่ข้างบน
รอจนราเมงมาก็ได้กินแล้วครับ ง่ายมากเลย
มีจุดแปลกอีกอย่างของร้าน ก็คือห้องน้ำ ห้องน้ำนี่มี ทิชชู่ให้เลือกใช้ ตามแต่ความชอบเลย
หลังจากนั้นก็แยกย้ายกัน เดินตามแต่ละคน ก็เดินดูของจริงๆ ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเลย แล้วนัดเจอกันที่บ้าน แต่ก็ทุกคนได้รับคำเตือน อย่าเดินเพลิน ดูเวลารถไฟด้วย ก็นัดเจอกันบ้าน ผมนี่ถึงบ้านประมาณ 5 ทุ่ม คิดว่าน่าจะมีคนถึงก่อน … ไม่จริงเลย ถึงเป็นคนแรก ได้เวลาวางแผนการเดินทางของวันต่อไป

แยกชิบูย่า แบบ เบลอๆ
ตอนต่อไป … เนื่องจากมันเป็นวันเสาร์แล้ว ไม่มีตารางกิจกรรม ดังนั้น … เที่ยว สิครับ … การเดินทางไป Kawaguchiko … “คนเดียว”

Leave a Reply