GATI2015 Part 2 : Trip Day 1 – DMK to NRT

  • 0

GATI2015 Part 2 : Trip Day 1 – DMK to NRT

Category : GATI2015

หลังจากรู้คร่าวๆเกี่ยวกับวิชาแล้ว ก็เข้าเรื่องเลยดีกว่า วันที่ 17-24 ธ.ค. ได้ออกไปดูงาน (และเที่ยว) ที่โตเกียว …
วันแรก นัดเจอกันที่ สนามบินดอนเมือง (DMK) เดินทางโดยสายการบิน Air Asia X Flight XJ606 ตามตาราง ออกจากกรุงเทพเวลา 10.45 และถึง นาริตะ เวลา 19.00 (เวลาญี่ปุ่นเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง)
สำหรับคนที่เดินทางโดย Air Asia X ก็ควรจะ Check in ผ่าน Website มาก่อน เวลาฝากกระเป๋า มันจะเร็วกว่าใช้ทางปกติไม่ต้องต่อคิว Check in ปกติ

Counter ฝากกระเป๋า สำหรับคน Check In มาแล้ว
หลังจาก ฝากกระเป๋า ก็ผ่าน ตม. เดี๋ยวนี้ใช้ระบบอัตโนมัติ กันแล้ว ถ่ายรูปไม่ได้ ก็ไม่มีรูปนะครับ
หลังจากนั้นก็ อยู่ข้างในอย่างนาน รีบเข้าไปหน่อย ไปถึงเป็นชนกลุ่มแรกที่ไปถึง gate ไม่มีใครเลย – – ” ก็ยืนคุยกันอยู่แถวนั้นแหละ จนเวลา boarding time ก็ต่อคิวขึ้นเครื่อง Group เราได้ที่นั่งโหดมาก แถวหลังสุดเลย ข้อดีของแถวหลังสุดก็ อยู่ใกล้ห้องน้ำ แล้วก็บริการอาหารตามที่สั่งไว้ หรือขายอาหาร จะได้บริการเป็นแถวแรก ก็จะมีให้เลือกทุกอย่าง
มาถึงบนเครื่องบินกันบ้าง Air Asia X ใช้เครื่องบินลำใหญ่ Airbus A330 ที่นั่งในแถวยาว เป็น 3 ที่นั่ง ทางเดิน 3 ที่นั่ง ทางเดิน 3 ที่นั่ง ยกเว้นแถวหลังๆ ที่เป็น 2 3 2

บนเครื่องบิน
หลังจากเครื่องบินขึ้นแล้ว ก็มีบริการขายอาหารตามเมนู หรือถ้าสั่งทางเว็บมาก่อนแล้ว เขาก็จะเสริฟตามเมนูที่สั่งไป (สั่งทางเว็บถูกกว่า) ก็สั่งอย่างจัดเต็มมา ข้าวไก่เทอริยากิ แล้วก็มีเป็นเซ็ตของหวาน (เค้ก) กับน้ำผลไม้ กับน้ำเปล่า ด้วย

อาหารบนเครื่องบิน
หลังจากนั้นก็ หลับยาวสิครับ ตื่นอีกที ถึงนาริตะแล้ว แล้วเที่ยวที่บิน โหดมาก ถึงก่อนเวลา 1 ชั่วโมง (ถึงประมาณ 6 โมงเย็น) แต่ถึงก่อนก็ไม่ได้มีอะไรดีไปเท่าไร เพราะต้องจอดรอ มันไม่มีงวงช้างให้เข้า ก็รอไป ประมาณครึ่งชั่วโมง ได้เข้าแล้ว พอเข้ามา อากาศแว๊บแรกที่เจอ ก็ หนาวได้ใจมาก แล้วเข้าอาคารก็อุ่นแล้ว พอเข้าอาคาร ก็ได้ลองเปิด Pocket Wifi ใช้ดู เช่าของ Samurai Wifi ไป พอเปิดปั๊บบบบบ ดูในมือถือกำลังจะ connect มี samurai wifi เป็นสิบอัน จอ iPhone ก็เล็กๆ ดู code ข้างหลังไม่ค่อยเห็นเท่าไร ต้องนั่งไล่ๆเอา จนต่อได้แล้ว ใช้เน็ตที่ญี่ปุ่นได้แล้ว เย่
ต่อมา ก็ต้องเจอกับด่าน ตม. ที่คนเยอะมากๆๆๆๆ เท่าที่แอบฟังๆคนอื่นคุยกัน คนไทยทั้งนั้น เยอะมากๆๆ เลย เนื่องจากเสียเวลาเข้าห้องน้ำไปเยอะหน่อย ก็ได้อยู่ท้ายๆแถว ซึ่งทางที่ดี ลงเครื่องแล้วควรวิ่งมา ตม เลย จะได้ไม่ต้องรอนาน ท้ายแถวนี่ เป็นชั่วโมงเลย กว่าจะได้ออกมารับกระเป๋า

รอรับกระเป๋า
จากนั้นก็เดินไป Tourist Information ไปขอแผนที่เขา แล้วก็เจอป้ายประกาศอันนึง ที่ทำเอาใจสลาย แงง อดไปดูเลย

ประกาศๆ
จากนั้นก็ เดินออกมาข้างนอก ลงไปจะซื้อตั๋วรถไฟ (ตามที่วางแผนไว้ จะซื้อตั๋วเข้าเมือง แล้วก็พวก one day pass, three day pass, suica ไรพวกนี้) ก็เดินมาด้วยความ งงๆ ไม่รู้จะทำยังไง ก็มีคนไปถามว่า เราจะไปสถานี Hikifune (ใกล้ที่พักที่สุด) ไปยังไง เขาบอกว่า มีรถไฟตรงถึงเลย 980 เยน อีก 5 นาทีจะออก จะทำยังไงหละ ก็ซื้อตั๋ว แล้วก็รีบวิ่งเลยสิครับ บัตรอะไรยังไม่ได้ซื้อทั้งนั้นแหละ

นี่คือตั๋วรถไฟใบแรกที่นั่ง

นี่คือรถไฟที่นั่งครั้งแรก
พอรถไฟมา ก็ได้เจอกับศัพท์ที่ได้ร่ำเรียนมาคำแรก 特急 (Tokkyuu) รถด่วนพิเศษ ก็นั่งจนถึง Hikifune ไม่นานมาก ชั่วโมงกว่า มั้ง ถึงแล้ว ทำยังไงต่อจะไปที่พักให้ได้ ก็ Google Map กัน กับการผจญภัยในโลกกว้าง กลางคืน ดึกๆ และ หิวๆ รีบไปเก็บของ แล้วออกมากินข้าว
การออกไปกินข้าวก็ใช้วิธีเดินไปหาร้านใกล้ที่สุด แล้วก็พลาดที่สุดที่เลือกร้านนี้ เพราะรู้ทีหลังว่าเป็นร้านเหล้า แล้วอาหารค่อนข้างจะแพง และไม่อิ่ม สั่งจานนี้มากิน สปาเก็ตตี้ น้ำชา และซุป ราคารวม 659 เยน ซึ่งไม่อิ่ม ต้องต่อ เซเวน อีกหน่อย และโหดกว่านั้นคือ เมนูเป็นภาษาญี่ปุ่นหมด … ก็ต้องใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมา อ่านออกบ้างไม่ออกบ้าง ก็ต้องแปลให้ผู้ร่วมเดินทาง ก็แปลคร่าวๆ นี่หมู เนื้อ ไก่ เผ็ด ไม่เผ็ด แล้วก็จิ้มรูปช่วยเอา

อาหารมื้อแรกที่ญี่ปุ่น
ทีนี้ก็ได้เข้าบ้านแล้วจริงๆ จริงๆควรจะได้เวลาพักผ่อน รีบนอน พรุ่งนี้จะได้ตื่นเช้าๆ แต่ในความเป็นจริง มีห้องอาบน้ำอยู่ 1 ห้อง และคนอยู่ด้วยกัน 8 คน อ่าคนสุดท้ายก็รอกันไปนะฮะ แต่ดูทุกคนไม่อยากจะไปอาบน้ำเท่าไร เพราะมีโต๊ะอุ่นขา หรือ Kotatsu (อย่าสับสนกับ Tonkatsu เพราะมันจะเป็นอาหาร) ขาอุ่นมาก ฟินจริงๆ จากรูป คง งง ว่ามันอุ่นได้ยังไง แล้วก็ คนเยอะขนาดนี้ขาไปอยู่ไหน จะมาเฉลยให้ฟัง ใต้โต๊ะมันเป็น หลุมลงไป ให้ยืดขาลงไปได้ ขาทุกคนเลยเข้าไปอยู่ใต้โต๊ะได้ แล้วก็ที่พื้นข้างล่าง จะมีตะแกรง แล้วใต้ตะแกรงจะมีเครื่องทำความร้อนอยู่ ก็ได้อุ่นกันไป สบายๆ

Kotatsu
ปัญหาต่อไป แอร์กับ Heater เป็นเครื่องเดียวกัน และรีโมท เป็นภาษาญี่ปุ่น (ไม่ได้ถ่ายรีโมทมา) ก็เดาได้ว่าปุ่มเปิดปิด มันพิเศษ ทีนี้จะเปิดเป็น heater ยังไงก็สังเกตคำว่า 暖房 (Danbou) ถ้าจะเอาแอร์ก็เป็น 冷房 (reibou) ทีนี้ก็อุ่นกันเต็มที่ อุ่นจนกระทั่ง กลางคืน เหงื่อ ออกกันถ้วนหน้า มีพี่มะเหมี่ยวลุกมาปรับอุณหภูมิ ตื่นมาก็เย็นสบาย จนกระทั่งเปิดประตูห้องนอนเท่านั้นแหละรู้เรื่องเลยสภาพอากาศจริงๆ
เดี๋ยวจะพาไปดูบ้านตามรูปต่อไปนี้เลย

บันไดขึ้นห้องนอน

ห้องนอน แบบ ญี่ปุ่น ด้วย

ห้องนั่งเล่น ซึ่งกลายเป็นห้องตากผ้าไปในที่สุด

ห้องครัว

เครื่องซักผ้า
เดี๋ยวตอนหน้าจะเข้าสู่งานจริงๆแล้ว การเดินทางวันที่ 2 ไปดูงานที่ Tokodai และไปดูระบบคมนาคมขนส่งสาธารณะของญี่ปุ่น (รถไฟ)

Leave a Reply