GATI2015 Part 10 : Summary
Category : GATI2015
เดินทางมาถึง Part 10 แล้วเป็นการเล่าถึงบทสรุปของวิชา Global Awareness for Technology Implementation (GATI) รุ่นทดลอง รุ่นแรก ในมุมมองของผมเอง
เริ่มแรกที่ตัดสินใจลงเรียนวิชานี้ เริ่มจาก อาจารย์โปรดปรานโฆษณาวิชาเรียนนี้ วันที่อาจารย์นัดติวสอบ Final วิชา Database ตอน ปี 3 เทอม 2 อาจารย์เล่า Overview ของวิชาเรียนแล้ว น่าสนใจมากๆ แล้วพออาจารย์ประกาศรับสมัครนิสิตเข้าเรียน โดยให้ส่ง Essay ไปหาอาจารย์ เนื่องจากปีนี้ วิชานี้ co กับญี่ปุ่นด้วย และด้วยความที่สนใจในตัวประเทศญี่ปุ่นอยู่แล้ว ก็ไม่ลังเลที่จะเอาเวลาว่างจากการฝึกงานมาเขียนส่ง นี่คือส่วนหนึ่งของ Essay ที่เขียนส่งอาจารย์
The reason I wish to enroll in the global awareness for technology implementation is the interest in everything about Japan. I will get the knowledge of a cross culture among Thai and Japan from this course. Moreover, I will gain experience to communicate and conduct a project with Japanese friends. This subject would make me an open minded person who will aware of implementing technology to the right person in the right place. In addition, the joint course with Japanese friends would be a good chance to discuss how to implement a technology which can adapt to both Thai and Japan.
ใจความหลักๆคืออยากเรียนรู้ cross culture ในแต่ละประเด็น เพราะว่าจาก 3 ประเด็นที่เป็นประเด็นในวิชานี้ ในปีนี้ เป็นสิ่งที่ประเทศญี่ปุ่นทำได้ดีอยู่แล้วในหลายๆอย่าง โดยเฉพาะการคมนาคมขนส่ง อยากเรียนรู้ว่าเขาทำยังไงให้มันดีขนาดนี้ แล้วทำไมไทยเราจะทำแบบนั้นไม่ได้เชียวเหรอ และเป็นวิชาที่ทำให้เราเป็นคนเปิดรับในความแตกต่าง และเรียนรู้จากความแตกต่างนั้นแล้ว adapt ให้เข้ากับตัวเรา นอกจากความแตกต่างในสังคมแล้ว ยังจะได้เรียนรู้ความแตกต่างของ ความคิด ในนักเรียนแต่ละชาติด้วย
ในระหว่างที่เรียนอยู่เนี่ยก็ได้ไปเปิดหูเปิดตา ตามหัวข้อในแต่ละสัปดาห์ ก็เห็นหลายสิ่งหลายอย่าง จากการที่ได้ไปเห็นของจริง ได้ไปสัมผัสของจริง ได้ไปดม Landfill จริงๆแล้ว ก็ได้ข้อคิดว่า ต้องทำอะไรสักอย่างแล้วหละ ซึ่งแต่ละสัปดาห์ที่ได้ไปดูงาน หรือได้เรียนรู้ ได้คุยกับเพื่อนๆนักเรียนญี่ปุ่น ก็ทำให้รู้หลายสิ่งเพิ่มมากขึ้น แล้วก็ทำให้ awareness เพิ่มมากขึ้นด้วยหละ
หลังจากเรียนจบ ใน Personal Essay เกี่ยวกับประเด็นที่ทำ (Disaster Management) ผมก็ยังคงยืนยันคำเดิม คือควรมีการเพิ่ม awareness ของทุกๆคน นี่คือส่วนหนึ่งของ Essay ที่ส่งไป
One more thing, which is the most important thing is to learn from the past, and learn from our friend. We should have lesson learned from the past disaster, and adapt the lesson learned to one’s self. Moreover the situations of the other people or the other country are the things we also have to learn. This “Global awareness for technology implementation” course is a very good step to raise awareness of ourselves. We should make contributions of the lessons to the others. It may work or not we do not know. But the best thing we can do is to give knowledge and raise their awareness.
แต่จุดยากคือ จะทำยังไงที่จะเพิ่ม awareness ของคนได้ ? หรือว่าจากประสบการณ์ที่ไปดูงานมา ควรให้ทุกคนไปดูงานแบบนี้ ให้ทุกคนลองไปดู Landfill จริงๆดีไหม ? หรือทำเป็นคลิปเผยแพร่ ? หรือว่าจะทำไม่ได้ ? อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็ลองทำเท่าที่ทำได้กันไป
ตอนที่ได้รู้ว่าทุกคนได้ไปดูงานที่ญี่ปุ่นด้วยกันหมดนี่ก็ ดีใจมากๆ เพราะเป็นการไปญี่ปุ่นครั้งแรก จะได้ลองไปสัมผัสการใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่น แล้วก็ได้ไปดูงานอะไรเจ๋งๆที่ญี่ปุ่นอีกเยอะแยะเลย ดีใจมากๆ ทีแรกไม่คิดว่าจะได้ไปกันหมด
นอกจากนี้การเรียนวิชานี้ มีนักเรียนแค่ 8 คน ก็ทำให้เรารู้จักเพื่อนๆมากขึ้นด้วย ทั้งเพื่อนในภาค เพื่อนต่างภาค การเรียนกันอยู่แบบกลุ่มเล็กๆแบบนี้ ก็สนุกไปอีกแบบ ยังไม่เคยเรียนกลุ่มเล็กขนาดนี้เลย (ยกเว้นเรียนภาษา) เป็นประสบการณ์ที่ดีไปอีกแบบ คุยสนุก เล่นสนุก แกล้งสนุกด้วย ขอบคุณทุกคนจริงๆที่ทำให้การเรียนวิชานี้ไม่น่าเบื่อเลย
จากการไปลองใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่น ก็ได้เข้าใจอะไรหลายๆอย่างมากขึ้น ว่าโลกนี้อยู่ยาก การเดินทางโดยรถไฟก็ยาก ขึ้นผิดแล้วผิดอีก วิ่งไม่ทันรถออก รถเต็ม อะไรเต็มไปหมด หลังเที่ยงคืนนี่เดินทางไม่ได้เลย กินข้าวก็แพง ทำกับข้าวเองก็ไม่เป็น เรายังต้องเรียนรู้อะไรอีกหลายอย่างเลยในชีวิต นี่แค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ขอบคุณทุกคนรวมถึงอาจารย์ด้วยที่ร่วมผจญภัยในแดนอาทิตย์อุทัยไปด้วยกัน
สุดท้ายนี้ถ้าให้คะแนนวิชานี้ ก็ขอให้ไว้ที่ 2147483647 เลยแล้วกัน (เกินกว่านี้ต้องใช้ unsigned int หรือ long long เก็บแล้ว … เขียนมาตั้งเยอะขอมุกภาคคอมนิดนึง) อินมากกับทั้งเนื้อหา ทั้งการสร้าง awareness และการไปดูงาน และไปเที่ยว ไม่งั้นคงไม่มานั่งเสียเวลามาเขียนบทความถึง 10 ตอนแบบนี้หรอกครับ นับว่าเป็นวิชาที่คุ้มกับ 3 หน่วยกิตมากๆ วิชานึงเลยครับ หวังว่าทุกคนคงสนุกไปกับการอ่านเรื่องราวที่บันทึกไว้นี้ ^ ^
– จบบริบูรณ์ –
Sanchai Jaktheerangkoon
ติดตามตอนอื่นๆได้ที่นี่